วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คุตบะห์วันศุกร์ เรื่องคุณค่าของเวลา


คุตบะห์วันศุกร์ เรื่องคุณค่าของเวลา

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่รักทั้งหลาย ขอให้เราทั้งหลายสำนึกในความเมตตาที่พระองค์ทรงประทานให้เราแต่ละคน ถึงแม้ว่าชีวิตของคนเราแต่ละคนนั้นเกิดมาไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมารวย บางคนเกิดมาจน ถ้าหากท่านเป็นคนรวยท่านจะต้องขอบคุณต่ออัลเลาะห์ให้มากๆ เพราะพระองค์ทรงเมตตาต่อท่าน ถ้าหากท่านเกิดมาเป็นคนยากจนท่านก็ยิ่งจะต้องขอบคุณต่ออัลเลาะห์ให้มากๆ เพราะความยากจนให้ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ในหนทางของพระองค์มากว่าความร่ำรวย ถึงแม้ว่ามนุษย์แต่ละคนเกิดมาแตกต่างกันในด้านฐานะแต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์แต่ละคนมีเท่าเทียมกันนั้นก็คือเวลา มนุษย์มีเวลาในแต่ละวันเท่าเทียมกันคือวันละ 24 ชม. ตามหลักวิชาจิตวิทยาชีวิตของมนุษย์เรานั้นสามารถที่จะแบ่งออกเป็นช่วงๆ ได้ 3 ช่วงวัย ช่วงที่1 คือช่วงวัยพึ่งพา ก็คือวัยเด็กที่ยังไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพ่อแม่ เมื่อเลยวัยพึ่งพาก็เป็นวัยพากเพียรเรียนรู้ พากเพียรในการแสวงหาปัจจัยยังชีพ พากเพียรในการทำคุณงามความดี หลังจากผ่านพ้นวัยการพากเพียรก็เป็นวัยของการพักผ่อน จากวงจรชีวิตของมนุษย์ผมได้กล่าวมาทั้งสามช่วงวัยนั้น คือวัย พึ่งพา วัยพากเพียร วัยพักผ่อน เราจะเห็นได้ว่าชีวิตของคนเรานั้นช่างสั้นเสียเหลือเกินถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่ามันจะยาวนาน แต่เมื่อเทียบกับวันเวลาที่เราจะต้องไปในวันแห่งการฟื้นคืนชีพในมันเทียบกันไม่ได้เลยดังที่อัลกุรอ่านได้แจ้งให้เราได้รู้ว่า

วันที่พวกเขาจะเห็นมัน(วันกิยามะฮฺ)ประหนึ่งว่าพวกเขามิได้พำนักอยู่ในโลกนี้  เว้นแต่เพียงชั่วครู่หนึ่งของยามเย็นและยามเช้าของมันเท่านั้น” (อันนาซิอ๊าต  46)
จากคำภีร์อัลกุรอ่านโองการดังกล่าวนั้นบอกให้เราได้รู้ว่าชีวิตของในดุนยานี้ทั้งชีวิตประเสมือนกับเพียงชั่วครู่ชั่วยามในยามเช้าหรือยามเย็นของเพียงวันเดียวของโลกหน้าเท่านั้น
ท่านหะซันอัลบัสรีกล่าวว่า ไม่มีวันใดที่พอแสงอรุณออกมา นอกจากมันจะร้องเรียกว่า :โอ้ลูกหลานของอาดัม ฉันเป็นสิ่งถูกสร้างใหม่และฉันจะเป็นสักขีพยานต่อการงานของท่าน ดังนั้นจงเอามันไปใช้เตรียมเสบียงเถิด เพราะเมื่อฉันจากไปแล้ว ฉันจะไม่หวนคืนกลับมาอีกตราบถึงวันกิยามะฮ์มีนักกวีชาวอาหรับท่านหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่าในเชิงเปรียบเอาไว้อย่างน่าคิดว่า
กลางคืนนั้นถึงแม้ว่ามันจะยาวนานสักเพียงไหน แต่ว่ากลางวันนั้นมันจะต้องกลับมาหาเราอย่างแน่นอน
ฉันใดก็ฉันนั้นโลกดุนยานี้ถึงแม้เราจะรู้สึกว่ามันจะยาวนานเพียงไหน แต่ว่าเราจะต้องเดินทางไปยังโลกหน้าอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่เราจะไปโลกหน้านั้นเราได้เตรียมอะไรเอาไว้บ้างหรือยัง เรายังคงผัดวันประกันพรุ่งในเรื่องของการละหมาด 5 เวลา เรายังคงผัดวันประกันพรุ่งในเรื่องที่ศาสนาสั่งใช้อยู่หรือไม่ เราเป็นบุคคล
1. ขอสาบานด้วยกาลเวลา (*1*)
(1)  อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงสาบานด้วยกาลเวลาอัลอัศรฺ คือกาลเวลาทั้งหมด เวลากลางคืน กลางวัน เช้า เย็น และกาลเวลาที่มีสิ่งแปลกประหลาด และสิ่งที่เป็นบทเรียน และข้อคิดต่าง ก้อตาดะฮฺกล่าวว่า อัลอัศรฺคือยามสุดท้ายของเวลากลางวัน พระองค์ทรงสาบานด้วยเวลาอัลอัศรฺ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงสาบานด้วยเวลาอัฎฎฮา เพราะในเวลาทั้งสองเป็นการยืนยันถึงเดชานุภาพของพระองค์ และเป็นข้อเตือนสติที่ดี

2. แท้จริงมนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน (*1*)
(1)  คือมนุษย์นั้นอยู่ในสภาพที่ขาดทุนและหายนะ  เพราะเขาปล่อยให้วันเวลาผ่านพ้นไปโดยไม่สนใจการทำคุณงามความดี

3. นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน (*1*)
(1)  เว้นแต่บุคคล 4 ประเภท คือ ผู้ศรัทธา กระทำความดี สั่งเสียกันในสัจธรรม และสั่งเสียกันให้มีความอดทน บุคคลที่มีคุณลักษณะดังกล่าวเป็นผู้ประสบชัยชนะหรือได้รับความสำเร็จ เพราะพวกเขายอมเสียสละสิ่งที่ไม่มีค่าด้วยสิ่งที่มีค่า หรือยอมแลกเปลี่ยนความใคร่ใฝ่ต่ำที่อยู่ใกล้มือด้วยความดีที่อยู่ยงตลอดไป และตักเตือนหรือสั่งเสียซึ่งกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรมซึ่งเป็นความดีทั้งหมด เช่น การศรัทธา การเชื่อมั่น การเคารพภักดีต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี และตักเตือนหรือสั่งเสียซึ่งกันและกันให้มีความอดทนต่อความยากลำบาก การปฏิบัติสิ่งที่เป็นที่ต้องห้าม..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น